The Power of Language (2)

จากบทความก่อนหน้า คงจะพอทำให้เห็นถึงพลังของภาษา และความสำคัญของภาษาที่มีผลต่อพฤติกรรมของเรา การใช้ชีวิตของเรา สิ่งที่จะช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือการใช้ภาษาด้านบวกกับตัวเอง แต่เรามักจะไม่ค่อยรู้ตัวและเผลอใช้ภาษาลบกับตัวเอง ซึ่งรวมทั้งการที่เราพูดเปล่งเสียงออกมา และ การที่เราพูดกับตัวเองอยู่ในใจ ซึ่งจิตใต้สำนึกของเราจะคอยรับข้อมูลจากภาษาที่เราใช้ รับเข้าไปในสมองและทำหน้าที่ดึงดูดสิ่งต่างๆ ตามคำพูดของตัวเรา หรือ ภาษาที่เราเลือกใช้ เมื่อเราทราบเช่นนี้เราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ได้โดยการเปลี่ยนข้อมูลที่จะทำการป้อนให้กับจิตใต้สำนึกของเราเองผ่านคำพูดหรือภาษาของตัวเรา หมั่นสังเกตและฝึกที่จะฟังคำพูด หรือภาษาของตัวเราเองให้มากขึ้น และเมื่อเราได้ยินคำพูดหรือภาษาด้านลบของตัวเราเอง ให้มีสติเพื่อที่จะสั่งตัวเองให้ “หยุด” การใช้ ภาษาด้านลบ และรีบ “แทนที่” ด้วยคำพูดหรือภาษาด้านบวกทันที โดยที่เราสามารถแทนที่คำภาษาด้านลบด้วยภาษาด้านบวก เช่น

ลบ : ฉันห่วย

บวก : ฉันก็มีความสามารถ

ลบ : ฉันโง่มากเลยในเรื่องนี้เลย 

บวก : ฉันมุ่งมั่นฝึกฝนในเรื่องนี้ ฉันสามารถทำได้ดีขึ้นแน่นอน

ลบ : ทำไมชีวิตเรามีแต่เรื่องแย่ๆ 

บวก : ชีวิตเราจะดีขึ้นๆ แน่นอน

ลบ : ฉันดูน่าเกลียดมาก

บวก : ฉันดูดีในแบบฉันเอง

จากผลงานวิจัย ระบุว่าช่วงเวลาที่จิตใต้สำนึกรับข้อมูลใหม่ๆ ได้ดีที่สุด คือ ช่วงเวลาที่เรามีคลื่นสมองต่ำมีความถี่ระหว่าง 9 – 13 รอบต่อวินาที หรือที่เรียกว่า “สภาวะอัลฟา” เพื่อที่จิตใต้สำนึกจะบันทึกข้อมูลใหม่ได้ง่ายขึ้น ควรเลือกประโยคคำพูดด้านบวกเพียงประโยคเดียวแล้วพูดซ้ำๆ 5 – 10 รอบ ในการพูดด้วยภาษาบวกกับตัวเองแต่ละครั้ง วันหนึ่งควรทำ 2 ครั้ง ในสภาวะที่คลื่นสมองต่ำๆ อาจจะเป็นช่วงก่อนนอนหรือเพิ่งตื่นนอน ซึ่งสามารถจะนำเอา กฏ 21 วัน เข้ามาประยุกต์ใช้ ทำต่อเนื่องกันไปอย่างสม่ำเสมอ 21 วัน เพื่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างประโยคคำพูดด้านบวกที่เราสามารถเพิ่มภาษาด้านบวกให้กับตัวเอง โดยที่เราระบุ ชื่อของตัวเราเอง และตามด้วยภาษาด้านบวก

..(ชื่อ).. เป็นคนมีความสามารถ

..(ชื่อ).. เป็นคนน่ารักและมีเสน่ห์

..(ชื่อ).. เป็นคนฉลาด

..(ชื่อ).. เป็นคนกล้าหาญและเข้มแข็ง 

..(ชื่อ).. เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง

..(ชื่อ).. เป็นคนอารมณ์ดี ใจเย็น 

..(ชื่อ).. เป็นคนที่มีความรัก ให้กับตัวเอง และผู้อื่น

หลายๆ คนอาจจะเกิดคำถาม เกิดความคิด หรือรู้สึกว่าสิ่งที่ทำนี้ เป็นการทำอะไรที่ไร้สาระ หรือกำลังหลอกตัวเอง หรือโกหกตัวเอง เพราะหลายคนคิดว่าจะพูดสิ่งที่ดีๆ เหล่านี้กับตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่จะพูดมันไม่ได้เป็นความจริง เช่น ตัวเราเองคิดว่าตัวเราเป็นคนโง่ จะให้พูดว่าตัวเองเป็นคนฉลาดได้อย่างไร? ซึ่งแท้จริงแล้ว การระบุว่า โง่หรือฉลาด ก็ขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบว่าเรากำลังเปรียบเทียบกับใคร และเปรียบเทียบในประเด็นไหน คนแต่ละคนย่อมมีความสามารถ ความเก่งที่แตกต่างกันไป ในบางเรื่องคนที่เรากำลังเปรียบเทียบกับเค้า เค้าอาจจะเก่งกว่าเรา ฉลาดกว่าเรา แต่จงเชื่อว่าจะต้องมีในบางเรื่องที่เราเองก็เก่งกว่าเค้า ฉลาดกว่าเค้า ได้เช่นกัน

และอีกเหตุผลที่จะช่วยสนับสนุน ก็คือ ความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับความดีงาม สิ่งดีๆที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งก็หมายความว่าคนเราไม่ได้เกิดขึ้นมาพร้อมกับข้อมูลด้านลบในจิตใต้สำนึก ส่วนข้อมูลด้านลบต่างๆ นั้น เราเพิ่งได้รับการบันทึกขึ้นมาในภายหลัง (ห่วย โง่ แย่ น่าเกลียด) และจากการบันทึกข้อมูลด้านลบครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่ในวัยเด็กจนโต ทำให้เราเริ่มเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับตัวเองจริงๆ

เราสามารถพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ ได้จากการลองถาม ผู้ใหญ่ และ เด็กเล็กๆ ด้วยคำถามด้านบวกต่างๆ ต่อไปนี้ และคอยสังเกตุผล

ใครคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งบ้างครับ?

ใครคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ยอดเยี่ยมบ้างครับ? 

ใครคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีเสน่ห์และน่ารักบ้างครับ?

ผลที่ได้ก็คือ ในกลุ่มผู้ใหญ่จะไม่มีใครยกมือตอบว่า “ใช่” แต่ในทางกลับกันถ้าถามเด็กๆ จะชูมือสลอนและแทบทุกคนจะตอบว่า”ใช่” ซึ่งเป็นการยืนยันว่าข้อมูลด้านลบในจิตใต้สำนึก เพิ่งถูกได้รับการบันทึกขึ้นมาในภายหลัง

และการที่เรา เริ่มป้อนภาษาด้านบวกกับตัวเอง แล้วอาจจะรู้สึกอึดอัดใจ ในระยะแรกๆ เนื่องจากข้อมูลในจิตใต้สำนึกของเราที่ได้รับการบันทึก ในช่วงเวลาผ่านมาส่วนใหญ่เป็นไปในทางลบ และหลายๆ คน เมื่อยิ่งตอกย้ำด้วยการป้อนข้อมูลด้านลบให้กับจิตใต้สำนึกของตนเองมากเข้าๆ จนเกิดเป็น “ความเชื่อ” หรือ หนักเข้าบางคนถึงกับเรียกมันว่า “ความจริง” จนไม่สามารถพูดดีๆ กับตัวเองได้ หรือทนรับฟังคำพูดดีๆ จากคนรอบข้างได้เลย

สิ่งที่เราควรจะทำเพื่อให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้น ก็คือ การป้อนข้อมูลด้านบวกให้กับจิตใต้สำนึกของตัวเราเอง พูดดีๆ กับตัวเองเสมอๆ ทุกวัน แม้อาจจะเกิดความรู้สึกอึดอัดบ้างในช่วงแรกๆ แต่อยากให้เข้าใจว่านั่นเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาข้อมูลที่ถูกบรรจุไว้ในจิตใต้สำนึกส่วนใหญ่อาจจะเป็นข้อมูลด้านลบ เมื่อเราเริ่มใส่ข้อมูลด้านบวกเข้าไป ก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งแปลกใหม่ เหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ถูกบรรจุเข้ามา แต่หากเราค่อยๆ ป้อนข้อมูลด้านบวกเข้าไปทีละเล็ก ทีละน้อย จนในที่สุดข้อมูลด้านบวกเริ่มเกิดการแทนที่และเริ่มครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของจิตใต้สำนึก ความรู้สึกอึดอัดใจในช่วงแรกๆ เวลาที่เราเพิ่มภาษาด้านบวกให้กับตัวเอง ก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไป ความสบายใจ สุขใจ จะค่อยๆ เข้ามาแทนที่ ซึ่งจะทำให้เรามีความคิด ทัศนคติและพฤติกรรมต่างๆ ที่เปลี่ยนไปในทางบวกมากขึ้น และชีวิตของเราก็จะพบแต่สิ่งดีๆ มีความสุข และประสบความสำเร็จแน่นอน