The Success Begins with Good Goal Setting

“กำหนดเป้าหมายดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” ดูจะเป็นคำพูดที่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะ การตั้งเป้าหมายถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญมากๆ สำหรับการพาผู้คนไปพบกับความสำเร็จ แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่เรากลับพบว่ามีผู้คนอีกมากมายที่ไม่สามารถบอกได้ว่าชีวิตนี้มีเป้าหมายอะไร ซึ่งทำให้นึกถึงถ้อยคำที่มีคนกล่าวไว้ว่า “ชีวิตที่ไร้เป้าหมายก็เหมือน เรือที่ลอยอยู่ในทะเลอย่างไร้ทิศทางและไร้ความหมาย” และจากประสบการณ์ใกล้ตัวจากการที่ทำหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษสอนหนังสือนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษา ก็อดที่จะถามนักศึกษาเหล่านั้นไม่ได้ว่า เมื่อเรียบจบแล้วจะทำอะไร มีเป้าหมายไว้อย่างไร และสิ่งที่ได้รับการตอบกลับ คือ มีจำนวนนักศึกษาไม่ถึง 5% ที่สามารถระบุเป้าหมายชีวิตหลังจากจบการศึกษาได้อย่างชัดเจน และมีนักศึกษาอีกสักประมาณ 10% ที่พอจะระบุเป้าหมายชีวิตของตนเองได้แต่ก็ยังคงไม่ชัดเจนมากนัก นั่นหมายความว่าเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นก็คือ ยังคงมีนักศึกษาอีกราว 85% ที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าตนเองมีเป้าหมายในชีวิตไว้ว่าอย่างไร

สิ่งนี้คงสอดคล้องกับผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเยล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา ได้เคยทำการวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการตั้งเป้าหมายกับการบรรลุถึงความสำเร็จ โดยทำการวิจัยกับกลุ่มนักศึกษาที่กำลังจะจบจากมหาวิทยาลัยเพื่อออกไปทำงาน โดยให้นักศึกษากลุ่มดังกล่าวเขียนเป้าหมายในชีวิตไว้ว่า จบไปแล้วอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างไร? ซึ่งพบว่า มีจำนวนนักศึกษาเพียง 3% ของนักศึกษาทั้งหมดที่เขียนเป้าหมายในชีวิตไว้อย่างชัดเจน ส่วนอีก 97% ของนักศึกษาทั้งหมด กลับเขียนเป้าหมายในชีวิตไปอย่างเสียมิได้ หรือบางคนก็เขียนเป้าหมายในชีวิตของตนไปอย่างเป็นนามธรรม เช่น จะสร้างความมั่งคั่งในชีวิตให้สูงที่สุด ไม่มีตัวเลขของความสำเร็จหรือระยะเวลาอ้างอิงที่เป็นรูปธรรมที่จะเป็นเป้าหมายในชีวิตได้เลย และเมื่อเวลาผ่านไป พบว่า กลุ่มนักศึกษาที่เขียนเป้าหมายในชีวิตไว้อย่างชัดเจน สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขมากกว่า และมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีกว่ากลุ่มนักศึกษาที่เขียนเป้าหมายในชีวิตไว้อย่างคลุมเครือหรือไม่ตั้งใจเขียน ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือ กลุ่มนักศึกษาที่มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนที่มีเพียง 3% ของนักศึกษาทั้งหมดนั้น แต่กลับมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันมากกว่า มูลค่าทรัพย์สินรวมกันของกลุ่มนักศึกษาที่มีเป้าหมายในชีวิตที่ไม่แน่นอน ที่มีสัดส่วนถึง 97% เสียอีก

ถึงจุดนี้คงพอที่จะเห็นความสำคัญและพลังของการตั้งเป้าหมายเพิ่มมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งเป้าหมายที่”ชัดเจน” ผู้คนที่ชีวิตไม่มีเป้าหมาย ก็จะดำเนินชีวิตอย่างไร้จุดหมาย เช่นเดียวกันกับผู้คนที่มีเป้าหมายไม่ชัดเจน ก็จะดำเนินชีวิตแบบไม่ชัดเจนเช่นกัน แล้วเราจะยอมให้ชีวิตของเราดำเนินชีวิตแบบไร้จุดหมาย หรือ ดำเนินชีวิตแบบไม่ชัดเจน อยู่อีกหรือ ? ถ้าคำตอบของคุณคือ “ไม่” เรามาตั้งเป้าหมายชีวิตของเราให้ชัดเจนกันดีกว่า สิ่งที่สามารถช่วยทำให้เป้าหมายมีความชัดเจนมากขึ้น สามารถใช้โมเดลการตั้งเป้าหมาย S.M.A.R.T Goal คือ เป้าหมายนั้นจะต้อง เจาะจง (Specific), เป้าหมายนั้นจะต้อง วัดได้ (Measurable), เป้าหมายนั้นจะต้อง บรรลุได้ (Achievable), เป้าหมายนั้นจะต้อง เป็นจริงได้ (Realistic) และ เป้าหมายนั้นจะต้อง มีกรอบเวลาที่แน่นอน (Timely)

ส่วนตัวแล้วนอกจากใช้ S.M.A.R.T Goal ในการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนแล้ว ผมยังอยากจะเพิ่มความชัดเจนของเป้าหมายด้วยคำถามเหล่านี้ เมื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เห็นตัวเองเป็นอย่างไร? ในอนาคตที่ประสบความสำเร็จตัวเองอยู่ที่ไหน? กำลังทำอะไรอยู่? บรรยากาศรอบข้างเป็นอย่างไร? มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ณ ตอนนั้น? มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างในตัวเอง? ได้ยินเสียงอะไรบ้างในวันนั้น? ได้ยินใครกำลังพูดอะไรกันอยู่? ผู้คนพูดถึงเราว่าอย่างไร? แล้วตัวเราเองรู้สึกอย่างไรในวันนั้น? รู้สึกอย่างไรกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับตัวเองในวันนั้น? ได้บอกกับตัวเอง หรือ อยากจะพูดกับตัวเองว่าอย่างไร? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ช่วยปรับความคมชัดของเป้าหมายให้เพิ่มมากขึ้น เร่งแสง เร่งสี ให้ภาพสดใสมากขึ้น ไม่เพียงแต่ชัดแค่ภาพ แต่ยังมีความชัดทั้งเสียง และความรู้สึก เคล็ดลับของความสำเร็จในการตั้งเป้าหมายนี้ คือ ให้เราจินตนาการเสมือนหนึ่งว่า เราได้ไปอยู่ ณ วันที่ชีวิตเราได้พบกับความสำเร็จของเป้าหมายที่ตั้งไว้ เหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นแล้วตรงหน้าเรา

แล้วคุณล่ะ มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนแล้วหรือยัง ?