MAP and Territory

มีคนกล่าวไว้ว่า สิ่งดีๆ การกระทำดีๆ พฤติกรรมดีๆ ของคนเรา เริ่มต้นจาก ความคิดดีๆ … ความคิด คือ จุดเริ่มต้นของการกระทำ ซึ่งนำพาให้ตัวเจ้าของความคิดก้าวสู่ความสำเร็จ หรือ ล้มเหลวได้ ความคิดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับทุกคน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ ควรจะต้องมีกรอบความคิด (Mindset) ดีๆ โดยที่มีผู้ให้นิยาม Mindset คือ “ความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรม” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาศักยภาพของคนเราทุกคน

กรอบความคิดดีๆ สำหรับ ผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นโค้ชจำเป็นที่จะต้องมีกรอบความคิดที่ดี ไม่ยึดติดกับกรอบความคิดของตัวเอง ไม่ตัดสิน เชื่อว่าศักยภาพของคนสามารถเพิ่มพูนได้ พฤติกรรมมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ และมีความมั่นใจในการสร้างกระบวนการสร้างการเปลี่ยนแปลง พาผู้ได้รับการโค้ชไปข้างหน้าสู่จุดที่ดีขึ้น กรอบความคิดแรกที่อยากนำเสนอ และอยากเชิญชวนให้ทุกท่านได้นำมาบรรจุไว้ในหัวสมอง เป็นอีกหนึ่งในกรอบความคิดดีๆ ที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จ กรอบความคิดที่ว่านั้น คือ “The map is not the territory” หรือ แปลเป็นไทยได้ว่า “แผนที่ไม่ใช่อาณาเขต

จากกรอบความคิดนี้ สังเกตุได้ว่า มีคำที่สำคัญอยู่ด้วยกัน 2 คำ ได้แก่ MAP หรือ แผนที่ กับคำว่า Territory หรือ อาณาเขต โดยคำว่า MAP หรือ แผนที่ คือ รูปภาพอย่างง่ายซึ่งจำลองบริเวณๆ หนึ่ง หาใช่ อาณาเขต (Territory) ทั้งหมด … มนุษย์ทุกคนต่างมี MAP (มุมมองในการมองโลก) ที่แตกต่างกันออกไป การให้ความหมายกับสิ่งต่างๆหรือเหตุการณ์ต่างๆ ของคนแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชุดประสบการณ์ การเรียนรู้ ของแต่ละคน สิ่งที่คนๆ นึง เรียกว่า “ความจริง” สำหรับเค้า อาจจะไม่ได้ “เป็นจริง” สำหรับ คนอื่นๆ ก็เป็นได้ ยกตัวอย่างเช่น

นาย A เป็น ชายหนุ่มผู้อาภัพรัก เมื่ออายุ 18 ปีมีความรักครั้งแรก คบกับแฟนสาวได้ไม่ถึงปี ก็ถูกแฟนสาวสะบัดรักหนีไปมีแฟนใหม่ ผ่านไปอีกไม่นาน ก็ได้รู้จักกับหญิงสาวอีกคน คบหากันเป็นแฟน แต่ไม่ถึงปีก็ถูกทิ้งอีกเป็นครั้งที่สอง และหลังจากนั้น นาย A ก็มีสาวๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตอีก 2-3 คน ได้คบหาเป็นแฟนกัน แต่บทสรุปสุดท้ายก็ ลงเอยด้วยการที่ต้องเลิกรากันและฝ่ายหญิงไปมีคนใหม่

คุณคิดว่า นาย A จะมีมุมมองอย่างไรกับความรัก ได้บ้าง ? … รักแท้ไม่มีอยู่จริง … ผู้หญิงไม่จริงใจ … ผู้หญิงก็เลวเหมือนๆกันหมดทุกคน ฯลฯ 

ในขณะที่ นาย B เป็น ชายหนุ่มที่สมหวังในความรัก เมื่ออายุ 18 ปีมีความรักครั้งแรก คบกับแฟนคนแรก มีความรักที่หวานชื่น มีความสุขในทุกๆ วัน และคบกันยาวนานจนตกลงปลงใจแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันสร้างครอบครัวที่มีความสุข

และคุณคิดว่า นาย B จะมีมุมมองอย่างไรกับความรัก ได้บ้าง ? … รักแท้มีอยู่จริง … ความรักคือสิ่งที่สวยงาม …. ความรักทำให้ชีวิตมีความสุขและมีพลัง ฯลฯ

จากตัวอย่างนี้ น่าจะพอแสดงให้เห็นว่า มุมมองในการมองโลกของคนแต่ละคน ก็มักจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป การให้นิยามความหมายกับสิ่งต่างๆ หรือ เหตุการณ์ต่างๆ ของคนแต่ละคนก็ย่อมมีโอกาสสูงมากๆ ที่จะมีความแตกต่างกันออกไป

นอกจากเรื่องของการที่คนแต่ละคนมี MAP ในการมองโลกที่แตกต่างกันออกไปแล้วนั้น … มนุษย์เราอาจจะยึดถือ MAP นี้ กอดไว้แน่น ตอกย้ำกับตัวเองว่า มันคือความจริง (จริงสำหรับตนเอง) แต่แท้ที่จริงแล้ว เราทุกคนสามารถเป็นได้มากกว่าที่เค้าคิดว่าเค้าจะเป็นได้ สิ่งที่เราเคยคิดว่า จริง สิ่งที่เราเคยคิดว่า “ฉันไม่เก่งพอ” , “ฉันคงไม่สามารถทำได้” , “ทำได้แค่นี้ก็ดีมากแล้ว” , “ต้องมีเงินทุนหลักแสนหลักล้านถึงจะเริ่มต้นธุรกิจได้” ฯลฯ 

ลองคิดดูว่าถ้าเรายังคงมี MAP (หรือ บางคนอาจจะเรียกมันว่า “ความจริง” หรือ บางคนอาจจะเรียกมันว่า “ความเชื่อ”) ในการมองโลกแบบนี้ มันจะพาให้คนๆ นั้นไปสู่ความสำเร็จ หรือไม่? … จะดีกว่าไหม ถ้าเราขยับปรับเปลี่ยนมุมมองในการมองโลกของเราใหม่ ให้มีมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม ให้มีมุมมองที่กว้างขึ้นกว่าเดิม มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด เราในวันนี้สามารถเป็นเราที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน เราในวันพรุ่งนี้ก็สามารถเป็นเราที่ดีขึ้นกว่าเราในวันนี้ เราสามารถเป็น a better version ได้ในทุกๆ วัน

เพียงคุณปรับมุมมองในการมองโลกใหม่ คุณก็สามารถเป็นได้มากกว่าที่คุณคิด